หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: ศิลปิน NFT "มิว ภานุวัฒน์ ชูเกิด" เปลี่ยนความชอบมาจับเงินแสนในเวลาแค่ครึ่งปี !  (อ่าน 653 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2361




ปันโปร | Interview
พูดคุยกับ "มิว ภานุวัฒน์ ชูเกิด"
ศิลปิน NFT คนไทย
ผู้เปลี่ยน Passion ให้กลายเป็นเงิน



รู้จักกันมาไม่เท่าไหร่ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากระแส NFT ในบ้านเราตอนนี้ ‘มาแรงจริงอะไรจริง’  อย่างก่อนหน้านี้ที่เราได้ป้ายยา 5 เกม NFT สำหรับมือใหม่กันไป ปรากฏว่าเสียงตอบรับของเพื่อน ๆ ก็คือแรงมากจนน่าตกใจ มาคราวนี้เลยงัดหัวข้อ NFT มาพูดถึงกันใหม่ แต่ขอเปลี่ยนเวย์มาพูดในมุมมองของคนขายกันบ้าง

ซึ่งเราก็ได้ไปคว้าตัว มิว ภานุวัฒน์ ชูเกิด โปรศิลปิน NFT ชาวไทย มานั่งพูดคุย พร้อมตอบคำถามที่หลายคนสงสัย ว่าโลกแห่ง NFT สามารถสร้างรายได้จริง ๆ หรือทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่อุปทานหมู่กันแน่นะ 





ในเมื่อที่เรียนมามันไม่ใช่ โลกแห่ง NFT คือคำตอบ !

มิว : ต้องบอกก่อนว่ามิวไม่ได้เรียนจบด้านศิลปะมา แถมทักษะการวาดรูปก็คือไม่เก่งจนถึงขั้นไม่เป็นเลยก็ได้ แต่เพราะด้วยความที่เราชอบ ก็เลยลองศึกษา ช่วงแรกก็เริ่มจาก Photoshop ก่อน ที่เลือกอันนี้เพราะมันไม่ต้องวาด   ก็ลองศึกษา ลองนู้นลองนี่มาเรื่อย หลังจากนั้นก็เริ่มมาสนใจศิลปะแบบ Collage (การตัดแปะ) แล้วดันไปติดใจผลงานของศิลปินชาวรัสเซียคนหนึ่งชื่อว่า Olga Khaletskaya และผลงานแนว Surrealism (เหนือจริง) ของ Chema Mendez ศิลปินชาวสเปน ก็เลยนำทั้งสองแนวนี้มา Combine กัน จนกลายมาเป็นผลงานแนว Collage Surreal ของเราขึ้นมา









Final Destination - ตัวอย่างผลงานแนว Collage Surreal


ส่วนถ้าถามว่าเราเข้ามาในวงการ NFT ได้ยังไง ต้องบอกว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก  และเราเองก็มือใหม่มาก ๆ เริ่มแรกจากที่อาศัยลงงานผ่าน Social Media เป็นหลัก อย่างลงไอจี ลงเพจ จนวันนึงเพื่อนที่อยู่ในวงการคริปโตมันมาชวน แล้วบอกว่างานแนว ๆ นี้ของเรามันมีโปรโมชั่น NFT เข้ามานะ ลองเอางานไปลงขายดูไหม เพราะเอาจริง ๆ พวกงานที่ลงเพจก่อนหน้านี้ มันไม่เคยสร้างรายได้ให้กับเราเลย พอเห็นว่าเออมันน่าสนใจดี หลังจากนั้นก็ลองไปศึกษาดูว่า NFT มันคืออะไร เค้าแลกเปลี่ยนกันยังไง ก็เข้าไปอ่าน จนสุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะเอาผลงานของตัวเองไปลงขาย



จริงไหมที่เค้าว่ากันว่า กว่าจะเข้าวงการนี้ได้ ต้องใช้เวลานานเป็นเดือน !

มิว : สำหรับมิวไม่นานนะ หรือเพราะเราใจร้อนด้วยก็ไม่รู้   คือเห็นว่ามันได้เงินดี ก็เลยเออ ๆ ลองดู อีกอย่างก็โดนเพื่อนมันไซโคด้วย แบบเห้ย ขายแล้วมันได้เงินดีนะเว้ย นี่ก็เลยแบบ เออได้ ! งั้นขอลองดูละกัน

แต่ส่วนนึงเราว่ามันน่าจะเป็นเพราะ Passion ด้วย เพราะอย่างที่บอกว่าสาขาที่เราเรียนมา เราไม่ได้ชอบมันเท่าไหร่ (มิวเรียนจบเอกภาษาอังกฤษมา) พอมาศึกษาตรงนี้ มันก็เหมือนเป็น promotion ที่แรงผลักดันให้ตัวเอง แบบเออกูชอบทางนี้จริง ๆ ว่ะ ในเมื่อมันชอบแล้วก็ต้องไปให้สุด








Il ritorno di Giuseppe - ผลงานที่ลงขายชิ้นแรก


ขายงานได้จริง "ไม่อุปทานหมู่"

มิว : เราเริ่มลงขายงานชิ้นแรกตอนเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เป็นช่วงที่กระแส NFT ในบ้านเรากำลังมาแรงมาก ตอนนั้นจำได้ว่าตื่นเต้นมาก แบบเห้ย งานเรามันจะขายได้หรอวะ  ปรากฏก็คือขายได้ แถมยังขายได้ไวด้วย อย่างมิวจะมาแหวกกว่าคนอื่นนิดนึง ถ้าเป็นคนอื่น ผลงานชิ้นแรก ๆ ของเค้าจะลงใน OpenSea กันก่อน แต่ของเราจะไปทาง Foundation เลย

ความยากของ Foundation เมื่อเทียบกับ OpenSea ก็คือ จะลงขายได้ก็ต่อเมื่อได้รับการชวนก่อนเท่านั้น ซึ่งตอนแรกหาคนชวนยากมาก หาอยู่ประมาณ 2 อาทิตย์ กว่าจะได้รับ promotions ชวนจากชาวต่างชาติ พอได้มาปุ๊บก็ลองลงงานดู ไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็ขายได้เลย แถมช่วงนั้นค่า GAS (ค่าธรรมเนียม) ถูกด้วย พอขายได้เลยดีใจมาก








มิว ภานุวัฒน์ ชูเกิด


ประสบการณ์ "เปิดโลก" ครั้งแรก


"ช่วงแรกที่ลงขาย มิวลงขายทีละชิ้น ค่อยเป็นค่อยไป เพราะเราไม่ได้รีบ

ถามว่าผลตอบรับมันเกินคาดไหม สำหรับมิว เราว่ามันเกินคาดแล้ว"




มิว : ถ้าเป็นในมุมของคนต่างชาติ สังคมบ้านเค้าในตอนนั้นจะครึกครื้นมาก อาจเป็นเพราะเริ่มมาก่อนนานแล้ว แต่ถามว่ามีคนไทยไหม ก็มีนะ เราก็มีการไปทำความรู้จักกับคนไทยด้วยกัน ก็สนุกสนานกัน เอาจริง ๆ มันก็แอบคล้ายพวก Community อยู่เหมือนกัน แบบว่าเข้าไปแล้วก็ทักทายกัน เธอเป็นใครมาจากไหน ซึ่งก็ได้เพื่อนด้วยนะ อย่างบางคนจนถึงทุกวันนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ ซึ่งสังคม NFT ก็จะมีทั้งคนที่เป็นหน้าใหม่แบบเรา กับหน้าเก่า ที่มีทั้งคนมีชื่อเสียง หรือคนที่ขายงานในนั้นมานานแล้วก็มี

และต้องบอกก่อนว่าถึงแม้ว่าเราจะเริ่มต้นที่ Foundation แต่เราก็มีการหาโอกาสใหม่ ๆ ให้ตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ทำให้ช่องทางการลงงานของเราตอนนี้นอกจากจะมีที่ Foundation แล้ว ยังมี HEN (Hic et Nunc) อีกที่ ซึ่งกลุ่มลูกค้าของเราทั้ง 2 ที่ก็จะแตกต่างกัน ถ้าเป็น Foundation ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติเกือบหมด แต่ถ้าเป็น HEN ก็จะมีกลุ่มเพื่อน ๆ ของเราที่เข้ามาซื้อ เพราะส่วนลดมันจะถูกกว่า เฉลี่ยงานละประมาณ 200-300 บาท

ส่วนช่องทางก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ขึ้นอยู่กับว่าโอกาสของช่องทางไหนมันจะมีมากกว่า เราก็จะอัดผลงานลงไปขายในช่องทางนั้นให้มากกว่า ก็อาศัยการลองตลาดไปเรื่อย ๆ ถ้าเวิร์คก็ลุย ถ้าไม่เวิร์คก็เบรก







"ที่สุด" ของมิวต้องชิ้นนี้ !




Combination - ผลงานที่มิวประทับใจที่สุด


"ประทับใจที่สุด"

มิว : ถ้ามองในมุมของความประทับใจ เราขอยกให้ผลงานที่ชื่อว่า Combination สำหรับงานชิ้นนี้ความตั้งใจแรกของเราเลยก็คือ เราตั้งใจจะใช้ตีมหลักเป็นอียิปต์ ซึ่งสารภาพว่ามันหารูปยากมาก   เลยหาทางออกด้วยการนำไปผสมกับสไตล์ Renaissance (จุดเด่นคือกลิ่นอายของความเป็นกรีก - โรมัน) เลยผสมผสานกันจนออกมาเป็นผลงานชิ้นนี้ ที่เราไม่ได้วางแผนตั้งแต่แรก ซึ่งพอทำออกมาแล้ว ปรากฏว่ามันก็เข้ากันดีนี่หว่า ก็เลยเอาลงขายเลย





เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์
ลดผมร่วงได้อย่างชัดเจน

 








The Mystery Room - ผลงานที่มิวใช้เวลานานที่สุด


"ใช้เวลานานที่สุด"

อีกชิ้นที่เป็นผลงานล่าสุดของเราก็จะเป็น The Mystery Room ที่เราเน้นไปที่การใช้ Compose ผสมกับความเป็น Surreal ที่เป็นเอกลักษณ์ของเรา มีการใส่เทคนิคนู้นนี่ ก็สนุกดี ท้าทายดี ใช้เวลานานกว่างานชิ้นอื่น ๆ แต่ก็ประทับใจมาก




อ่านเนื้อหาเพิ่มเติมฉบับเต็ม คลิ๊กเลย >>> NFT Art






Time to be King - ผลงานที่สร้างรายได้มากที่สุด


"รายได้มากที่สุด"

ขอยกให้ Time to be King ถ้าเทียบราคา ณ ตอนนี้จะมีมูลค่าอยู่ที่ 120,000+ บาท อย่างอันนี้ตอนลงงานช่วงแรก ๆ คนแย่งประมูลกันสนุกสนานมาก ซึ่งผลตอบรับก็เกินคาดมากจริง ๆ สำหรับเรา








มิว ภานุวัฒน์ ชูเกิด


ในมุมมองของมิว NFT = โอกาส


"มิวมองว่ามันเป็นโอกาส ที่ทำให้เราได้เจอคนใหม่ ๆ

รู้สึกว่าเรามี Connection มากขึ้น ดีกว่าการลงงานอยู่ในเพจอย่างเดียว"




มิว : ตอนแรก ๆ สารภาพตามตรงว่าเราไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถือว่ายากอยู่นะสำหรับมือใหม่ เพราะมันต้องมี Account ต้องเชื่อมต่อโน่นนี่ นี่ยังไม่รวมถึงพวกความเสี่ยงในการโดนแฮกกระเป๋าอีกนะ ก็ต้องใช้เวลาศึกษามันให้มาก ๆ ไม่แปลกหรอกถ้าจะมีคนกลัว ต่อให้เริ่มต้นมาแล้วก็ยังมีความกลัวอยู่ดีว่าจะขายไม่ได้ แต่สำหรับเรา เรามองว่าของแบบนี้ต้องใช้เวลา

ส่วนหนึ่งมิวว่าเราไม่ได้กดดันตัวเองด้วยแหละ เราค่อนข้างปล่อย ไม่ได้รีบ ถามว่ามีท้อไหม มันก็มีบ้างนะ อย่าคิดว่าถ้าเราขายงานได้แล้ว เราจะขายได้ตลอด ยกตัวอย่างเช่น ช่วงนี้ มิวกำลังเคว้งเลย   แต่เราอย่าไปท้อ เพราะมันก็มีช่องทางในการกระตุ้น รวมถึงการโปรโมทงานอยู่ ให้คิดซะว่าเดี๋ยวมันก็มีเข้ามาเองแหละ

อันนี้เราพิสูจน์มากับตัวว่ามันเห็นผลมากกว่าการลงงานในเพจจริง ๆ  คือมันสร้างรายได้ได้มากกว่า และเร็วกว่า ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมันตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายตรง ๆ เลยด้วยมั้ง หรือถ้าใครกลัวว่า เราไม่มีประสบการณ์หรือไม่มีฝีมือด้านอาร์ตมาก่อนเลย ให้ดูมิวเป็นตัวอย่างก็ได้ เพราะเราไม่ได้จบด้านนี้มา แต่เรามี Passion กับมันสูงมาก ดังนั้นมิวเลยมองว่านี่มันเป็นข้อดีของ NFT นะ ที่มันเปิดกว้าง เพราะไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่ มีประสบการณ์มาก-น้อยแค่ไหน ก็สามารถนำผลงานของตัวเองมาลงขายได้






The Alchemist


งานประจำ VS NFT



"ข้อดีของ NFT ในมุมมองของมิว คือ

มันสามารถทำได้เรื่อย ๆ ไม่ฟิกซ์เวลา มีอิสระมากกว่า

อยากตื่นมาทำงาน หรือลงขายงานตอนไหนก็ทำได้"




มิว : ก่อนหน้านี้เราเคยรับฟรีแลนซ์มาบ้างนิดหน่อย แต่ส่วนตัวรู้สึกว่ามันยุ่งยาก ต้องประสานงานหลายฝ่าย บวกคุยกับเค้าไม่รู้เรื่องด้วยมั้ง   ก็เลยคิดว่าเรามาทำตรงนี้ของเราน่าจะดีกว่า ซึ่งถ้าถามว่าพอเรามาทุ่มเทให้กับ NFT ตรงนี้แล้วเรารู้สึกกดดันตัวเองบ้างไหม ก็ขึ้นอยู่กับวันนะ อย่างวันไหนฟิตมากก็จะสิงอยู่ใน Twitter, Collector นู้นนี่ ส่วนการทำงานก็แล้วแต่ฟีลวันนั้นเลยว่าอยากทำอะไร หลัก ๆ คือเราจะไม่เร่งตัวเอง อยากทำตามฟีลลิ่งมากกว่า

ส่วนถ้าถามว่าในอนาคตเราจะหันมาโฟกัสกับ NFT เลยไหม มิวว่า NFT มันสามารถไปได้ไกลมากกว่านี้นะ เพราะมันมีหลาย Chain ให้เราเลือก แถมตลาดใหม่ ๆ ก็ผุดขึ้นทุกวัน เราเลยมองว่ามันเต็มไปด้วยโอกาสทั้งนั้น  เผลอ ๆ อาจจะมีโอกาสมากกว่าพวกงานประจำ แถมหารายได้ได้เยอะ เพราะหยิบจับอะไรมา ก็สามารถลงขายได้ทั้งนั้น

ที่สำคัญ คือ มันเห็นภาพชัดมากว่า เราสามารถหารายได้จากช่องทางนี้ได้ ถามว่าคุ้มไหม ช่วงแรก ๆ ที่เราเข้าไปตอบได้เลยว่า คุ้มมาก คุ้มเกินคาดก็ว่าได้ อาจจะเป็นเพราะค่า GAS มันถูกมากด้วยมั้ง ส่วนตอนนี้ถ้าถามว่าคุ้มไหม ก็ถือว่ายังคุ้มอยู่ เพราะพวกค่าธรรมเนียมเหล่านี้มันก็มีปรับขึ้นลงอยู่แล้วเป็นปกติ คนเป็นศิลปินอย่างเราก็ต้องปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงไปด้วย ถึงจะอยู่ในวงการนี้ได้








Happy Holidays



ปันโปรอยากบอก

เห็นมากฝีมือแบบนี้ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามิว มีอายุเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้น !

ที่มิวเข้าวงการ NFT ได้เร็ว เรียนรู้ได้ไว ส่วนหนึ่งเพราะเค้าได้ เทรนเนอร์ที่ดี อย่างเพื่อนที่ชักชวนเข้าวงการนี่แหละ

สำหรับจุดเด่นของการลงขายงานที่ Foundation นอกจากกว่าจะเข้าได้ต้องได้รับการชวนเท่านั้นแล้ว วิธีการขายก็น่าสนใจไม่แพ้กัน อย่าง OpenSea เค้าจะมีให้เลือกทั้งประมูล กับตั้งราคาขายเองได้ แต่ที่ Foundation จะเน้นไปที่ การประมูล  อย่างเดียว เมื่อมีคนนึงเปิดประมูลแล้ว เวลาจะนับถอยหลังทันที ทำให้ปิดการขายได้ไวภายใน 24 ชม.

สำหรับเพื่อน ๆ ที่กำลังสงสัยว่า สมมุติเราลงงานขาย หรือซื้อผลงานชิ้นนึงมาแล้ว ลิขสิทธิ์จะตกเป็นของใคร ?  คำตอบก็คือ ลิขสิทธิ์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ลิขสิทธิ์ในฐานะคนซื้อ กับลิขสิทธิ์ในฐานะเจ้าของผลงาน สมมุติถ้ามีคนซื้อผลงานชิ้นนึงไปจากเรา ลิขสิทธิ์ในฐานะเจ้าของก็ยังคงอยู่กับเรา แต่คนซื้อก็จะได้ลิขสิทธิ์ไปเหมือนกันในฐานะคนซื้อนั่นเอง ซึ่งผลงานที่เราซื้อมาแล้ว สามารถขายต่อได้  จะขายอัปราคาจากที่ซื้อมาก็ได้ ตามสบายเลยจ้า

ส่วนใครที่อยากจะลงขายผลงานแต่ กลัวว่าจะไม่คุ้มกับค่า GAS  อันนี้มิวได้แนะนำเพิ่มเติมว่า มันมีเวย์ที่ทำให้คุ้มอยู่นะ ดังนั้นไม่ต้องกังวล ยกตัวอย่างเช่น การอัปราคาขายขึ้นจากเดิม แบบรวมค่านู้น ค่านี่ให้เรียบร้อย ซึ่งคนซื้อก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ค่า GAS หรือค่าธรรมเนียมที่เจ้าของผลงานเค้าต้องเสียมันมี ปรับขึ้นลงตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบันนี้มันได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ก็ต้องหาทางแก้กันไป ซึ่งมันมีทางออกแน่นอนไม่ต้องกังวล

ภาพผลงานที่มิวนำมา Collage นั้นมาจาก Public Domain ที่ไม่มีลิขสิทธิ์ สามารถใช้ได้ทั่วโลก ส่วนใหญ่จะเป็นผลงานจากมิวเซียมต่าง ๆ, รูปที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป หรือศิลปินเจ้าของผลงานเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 50 ปี เป็นต้น

เห็นแบบนี้แต่มิวก็ยังคง มือใหม่มาก ๆ  สำหรับวงการ NFT นะ นี่ทางเราแอบมีถาม ๆ ไปเหมือนกันว่าได้เล่นกง เล่นเกมกับเค้าไหม ซึ่งทางมิวปฏิเสธทันทีเลยว่า วงการนี้เอาดี ๆ มันก็น่าปวดหัวอยู่เหมือนกัน  ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือการลงขายผลงานของตัวเอง, ซื้อผลงานของคนอื่นไปขายต่อ รวมถึงเทรดเหรียญนิดหน่อยก็พอครับ 


"ถึงแม้ว่า NFT จะสร้างรายได้ให้คนได้ก็จริง

แต่พวกเค้าจะไม่ประสบความสำเร็จกันเลย ถ้าหากขาดความรู้ ความเข้าใจ

ดังนั้น ใครที่สนใจอยากจะลงขายงานทางนี้กันดูบ้าง อย่าลืมศึกษาหาข้อมูลกันดี ๆ

ต่อให้ประตูแห่งโอกาสจะอยู่ข้างหน้าเราก็จริง แต่ถ้าเราก้าวเข้าไปแบบไม่รู้อะไร

จากที่ควรจะได้โอกาส อาจจะทำให้เราเสียโอกาสแทนได้"


 



ติดตามผลงานของมิวเพิ่มเติมได้ที่นี่


• Facebook - https://www.facebook.com/search/top?q=1dontknows

• Instagram  - https://www.instagram.com/1dontknows_/

• Twitter - https://twitter.com/1dontknows

• Foundation - https://foundation.app/@1dontknows

• KnowOrigin - https://knownorigin.io/1dontknows

• HEN - https://hen.teztools.io/1dontknows_