หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: Metaverse ถ้าในอนาคต เราต้องอยู่กับโลกเสมือนจริง !  (อ่าน 949 ครั้ง)

promotion

  • โจรสลัดจอมลุย / โคโนฮะกลุ่ม 7
  • *
  • กระทู้: 2468




ถ้าใครที่ชื่นชอบหนัง Sci-Fi อยากให้ในชีวิตจริงมีเทคโนโลยีล้ำๆ แบบในหนังรอคอยกันได้เลย
ในอนาคตอันใกล้นี้ โลกของเรากำลังจะก้าวเข้าสู่ Metaverse กันอย่างจริงจัง




หลังจากที่มีข่าวว่ามาร์ค ซัคเกอร์เบิร์กได้ทำการเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta โดยให้เหตุผลว่าจะปรับเปลี่ยนเป็นบริษัทที่จะลุยตลาด Metaverse แบบเต็มตัว รวมไปถึงบริษัทใหญ่ๆ หลายเจ้าก็เริ่มจะหันมาสนใจ โลกของ Metaverse แล้วเช่นกัน ! เอาล่ะ หลายคนเริ่มจะสงสัยและเกิดความอยากรู้จักกับคำว่า Metaverse กันแล้วใช่ไหมล่ะ ฉะนั้น อย่ารอช้า เราไปทำความรู้จักกับ Metaverse กันเลย





Metaverse คืออะไร ?!


จะบอกว่า Metaverse เป็นเรื่องใหม่หรือคำใหม่ก็ไม่เชิง พี่ โปร จะบอกเลยว่า Metaverse ปรากฏครั้งแรกตั้งแต่ปี 1992 หรือเมื่อ 29 ปีที่แล้ว ในนวนิยายเรื่อง Snow Cash ของ นีล สตีเฟนสัน ที่ว่าด้วยเรื่องของโลกเสมือนจริงและโลกแห่งความจริงที่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างแนบเนียน






พี่ promotion ขออธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ Metaverse ก็คือโลกอีกใบที่เป็นโลกเสมือนจริงที่เราจะมีอีกหนี่งตัวตนอยู่ในนั้น
โดยตัวตนในโลกเสมือนจริงของเราสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น สถานที่อื่นๆ ได้




เช่น เราสามารถไปเที่ยวรอบโลกได้ผ่านโลก Metaverse หรือสามารถไปทำงานที่ไหนก็ได้ผ่าน Metaverse เรียกได้ว่าเป็นโลกอีกใบที่เราสามารถทำอะไรก็ได้ แล้วแต่จินตนาการของเราเอง ซึ่ง Metaverse จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง VR ( Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) นั่นเอง









ถ้าหากใครนึกภาพไม่ออกให้ลองนึกถึงหนังเรื่อง Ready Player One หรือ The Matrix น่าจะพอเห็นภาพชัดเจนกันมากขึ้น





Metaverse โลกเสมือนที่จะมีความสำคัญพอๆ กับโลกแห่งความจริง


อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเริ่มหันมาให้ความสนใจ Metaverse มากขึ้น เช่น Facebook ที่ประกาศจะเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก Facebook เป็น Meta เพื่อจะปรับเปลี่ยนทิศทางของบริษัทจากด้านโซเชียลเน็ตเวิร์กเป็นบริษัทที่จะมุ่งสู่การทำโลกเสมือน Metaverse อย่างเต็มตัว









การที่ Facebook ตัดสินใจทำโปรโมชั่นรีแบรนด์ จุดนี้ก็จะทำให้สะท้อนวิสัยทัศน์ของมาร์คได้ดีในเรื่องของการที่จะทำให้ผู้คนสามารถเชื่อมถึงกันได้มากกว่า เหมือนเราสามารถเทเลพอร์ตหรือวาร์ปไปหาเพื่อนหรือไปเที่ยวสถานที่ไหนก็ได้ ซึ่งแตกต่างจากการเล่น Facebook  ที่เราได้แค่ติดตามข่าวสารหรือพูดคุยกันได้ผ่านทางหน้าจอเท่านั้น

สำหรับใครที่กังวลว่าแล้วจะเปลี่ยนชื่อแอปด้วยมั้ย จะส่งผลต่อการใช้งานหรือเปล่า ก็ขอให้สบายใจได้ว่าการเปลี่ยนชื่อครั้งนี้เป็นเพียงการเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เท่านั้น และจะไม่มีผลกระทบกับการใช้งานโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่างๆ ที่ภายใต้การดูแลของ Meta ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Facebook Messenger อย่างแน่นอน

หลังจากที่ Facebook ประกาศตัวว่าจะเดินหน้าโปรโมชั่นหันมาทำธุรกิจที่เกี่ยวกับโลกเสมือนอย่างเต็มตัว  ซึ่งเรื่องนี้นับเป็นเรื่องฮือฮาและสร้างแรงกระเพื่อมให้กับ Metaverse ได้มากเลยทีเดียว และไม่ใช่แค่เพียง Facebook เท่านั้นที่สนใจเรื่องของ Metaverse แต่บริษัทยักษ์ใหญ่หลายเจ้า ได้เริ่มหันมาสนใจเรื่องนี้กันมากขึ้นแล้วด้วย



อ่านบทความฉบับเต็ม คลิ๊กเลย >>> https://www.punpro.com/p/what-is-metaverse





Alibaba บริษัทด้าน E-commerce เจ้าใหญ่ของจีนก็ได้ประกาศลุยตลาด Metaverse แล้วเรียบร้อย และกำลังซุ่มทำโปรเจคใหญ่อยู่ ที่สำคัญได้ยื่นเรื่องเพื่อขอเครื่องหมายการค้าที่เกี่ยวกับ Metaverse เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเครื่องหมายการค้าที่ขอไปนั้น ประกอบไปด้วย Ali Metaverse และ Taobao Metaverse

เพื่อนๆ ลองคิดกันเล่นๆ ว่าถ้าอนาคตเราสามารถช้อปปิ้งผ่าน Metaverse ได้ เพียงแค่สวมแว่นตาก็มีนางแบบสวมใส่เสื้อผ้าให้ดูก่อนตัดสินใจซื้อได้ คงจะทำให้การช้อปปิ้งของเราสนุกขึ้นเป็นเท่าตัว !

เราเชื่อว่าในอนาคต  Metaverse จะสร้างความเปลี่ยนแปลงและมีบทบาทกับชีวิตของพวกเรามากยิ่งขึ้น แต่กว่าที่วันนั้นจะมาถึง ส่วนตัวเราคิดว่าคงจะต้องใช้เวลาพัฒนากันอีกหลายปีมากๆ  ไม่ว่าจะเรื่องของอุปกรณ์ ซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์ ที่จะทำให้มนุษย์สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกทั้งสองใบไปพร้อมกันได้อย่างแนบเนียนจริงๆ



ขอขอบคุณที่มา : prachachat.net, techsauce.co, thansettakij.com