Entertainment Zone > Teen Zone

แชร์ทริค ไหว้พระจันทร์ยังไงให้ปัง ขอพรยังไงให้เริ่ด สายมูมือใหม่ต้องอ่าน !

หน้า: (1/1)

promotion:





เทศกาลวันไหว้พระจันทร์ ประจำปี 2564 มาถึงแล้ว !

งานนี้สายมูทั้งหลายไม่ควรพลาด เพราะหนึ่งปีมีครั้งเดียว ใครอยากจะขอพรอะไรก็เตรียมตัวกันไว้ได้เลย สำหรับใครที่เป็นมือใหม่ ปันโปรพร้อมแชร์ทริควิธีไหว้เสริมดวงด้วยตัวเองแบบง่ายๆ พร้อมความหมายของเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ จะมูทั้งที งานนี้ไม่มีบ้งแน่นอน





ทำความรู้จักกับ "พิธีไหว้พระจันทร์"

พิธีไหว้พระจันทร์ หรือ วันไหว้พระจันทร์ จริงๆ แล้วเป็นวันสำคัญของชาวจีน รองลงมาจากวันตรุษจีนเชียวนะ

โดยจะตรงกับวันเพ็ญ เดือน 8 ของทุกปี ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ 21 กันยายน 2564 หรือวันนี้นี่เอง

ความสำคัญของวันไหว้พระจันทร์  จริงๆ แล้วมีขึ้นมาเพื่อเฉลิมฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยว โดยวิธีการเฉลิมฉลองก็หนีไม่พ้นการไหว้ขอบคุณพระจันทร์ในเวลากลางคืน ซึ่งพี่ โปร บอกเลยว่าของไหว้ที่เป็นเอกลักษณ์ของวันนี้ก็หนีไม่พ้น ขนมไหว้พระจันทร์ ที่เป็นขนมรูปทรงกลม มีลักษณะคล้ายพระจันทร์ มีไส้ด้านใน ซึ่งนอกจากจะนำมาไหว้แล้ว ยังนิยมนำมารับประทานเพื่อความเป็นสิริมงคลต่อตัวเองและครอบครัวกันอีกด้วย






แต่ต้นกำเนิดที่แท้จริงของขนมไหว้พระจันทร์ ไม่ได้เกิดมาเพื่อฤดูกาลเก็บเกี่ยวไปซะทีเดียว


จริงๆ แล้วขนมไหว้พระจันทร์นี้มีต้นกำเนิดมาตั้งแต่สมัยมองโกลเข้ามาปกครองจีนแล้ว โดยในสมัยนั้นชาวมองโกลได้ข่มเหงและรุกรานจีน ด้วยการส่งทหารของตัวเองไปประจำอยู่ในบ้านของชาวจีน ครอบครัวละ 1 คน ส่งผลทำให้ชาวจีนไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะจะต้องมาเลี้ยงดูทหารของมองโกลเพิ่มอีกคน นอกจากคนในครอบครัว

ด้วยความไม่พอใจนี้ หลิว ปั๋วเวิน ชาวจีนคนหนึ่งจึงได้คิดค้นวิธีการสื่อสารกับพี่น้องชาวจีนในสมัยนั้น ด้วยวิธีการนำกระดาษมาเขียนข้อความ แล้วนำไปสอดไว้อยู่ด้านในของตัวขนมที่มีลักษณะกลมๆ ซึ่งข้อความที่อยู่ในกระดาษแผ่นนั้นก็เป็นแผนการไว้สำหรับจัดการกับทหารมองโกลที่ประจำอยู่ในบ้านของทุกๆคน (นึกถึงตอนเด็กๆที่พี่ โปรโมชั่น แอบเม้าท์กับเพื่อนในห้องเรยนเลยฮ่า) โดยวันนัดหมายที่วางไว้นั่น ก็คือ วันเพ็ญ เดือนแปด  (ที่ตรงกับวันฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยวในปัจจุบันนั่นแหละ)

สุดท้ายแล้วชาวจีนทุกคนก็สามารถโค่นล้มอำนาจการปกครองของมองโกลได้ในที่สุด ด้วยความร่วมมือและช่วยเหลือกัน ผ่านกระดาษใบเล็กๆ ที่สอดไส้อยู่ในขนม ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกเหตุผลนึงของการไหว้

ที่นอกจากจะเฉลิมฉลองฤดูกาลเก็บเกี่ยวแล้วยังเป็นเฉลิมฉลองการกอบกู้แผ่นดินคืนมาจากการปกครองของมองโกลอีกด้วย



เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์
ลดผมร่วงได้อย่างชัดเจน
 



อ่านเนื้อหาฉบับเต็ม คลิ๊กเลย >>> https://www.punpro.com/p/Moon-Festival-2021


How to มู 101 ไหว้พระจันทร์ยังไง "ให้ปัง ไม่มีบ้ง"

สำหรับใครที่คิดว่า วันไหว้พระจันทร์ ก็เป็นวันธรรมดาๆ ทั่วไป ไม่น่าจะจัดใหญ่ จัดเต็ม บอกเลยว่าทุกคนอาจจะต้องเปลี่ยนความคิด เพราะนอกจากประเทศจีนแล้ว ในต่างประเทศอย่าง สิงคโปร์, ไต้หวัน, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น รวมไปถึงคนไทยเชื้อสายจีนในบ้านเรา ต่างให้ความสำคัญกับวันนี้กันมากๆ จนถึงขั้นมีขบวนแห่ ตกแต่งประดับพื้นที่ แสง สี เสียง ยิ่งใหญ่อลังการกันเลยแหละ  ช่วงนี้ของที่ใช้ประดับในงานก็จะออก promotion ลดราคา ทั้งออกแบบแพ๊คเกจจิ้งให้สวยงามทั้งขายให้ได้ volume และให้เหมาะกับที่เอาไปเป็นของฝากกันได้ในช่วงนี้

อย่างในบางครอบครัวก็จะถือเอาวันนี้เป็นวันรวมญาติไปในตัว โดยอาจจะมีการทำขนมไหว้พระจันทร์ทานกันเอง มีการร่วมแรง ร่วมใจ ซึ่งตรงนี้ปันโปรขอกระซิบก่อนเลยว่า สายมูห้ามมองข้ามเด็ดขาด เพราะไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ ถ้าเลือกดีๆ สามารถเสริมดวงของเราให้ปังยิ่งขึ้นได้นะเออ



ความหมายของ "ไส้ขนมไหว้พระจันทร์"

สำหรับไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ คนมักจะนิยมเลือกใช้เป็นไส้ที่สามารถเก็บไว้ได้นาน ต่อให้ผ่านการแปรรูปไปแล้วก็ตาม โดยไส้ดั้งเดิมของขนมไหว้พระจันทร์ ก็จะมีด้วยกัน ดังนี้

เม็ดบัว เป็นสัญลักษณ์ของจิตใจที่บริสุทธิ์ การมีอายุยืนยาว ความอ่อนน้อมถ่อมตน และความสงบสุข
ธัญพืช เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ ใครอยากรวยๆ ปังๆ ต้องจัดไส้นี้
ถั่วแดง คนจีนเชื่อว่ารูปทรงของถั่วแดงมีลักษณะคล้ายไต ซึ่งไตเป็นอวัยวะที่ขับความกลัวออกมา การรับประทานถั่วแดงจะสามารถเพิ่มความกล้าหาญให้กับตัวเราได้
ลูกพลัม เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญและความหวัง เหมือนดอกพลัมที่เติบโตได้ดีในฤดูหนาว
เกาลัด เป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงลูกชาย หรือสิ่งอันเป็นที่รัก
งาดำ เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงความมีอำนาจ
ทุเรียน เป็นสัญลักษณ์ของความเข้มแข็ง และอุดมสมบูรณ์
ไข่เค็ม เป็นตัวแทนของพระจันทร์ ที่สุขสว่าง เหมือนพระจันทร์ที่เต็มดวง


แต่ปัจจุบันด้วยความที่ยุคสมัยมันเปลี่ยนไป คนเลยสร้างสรรค์ไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ใหม่ๆ ออกมากันเพียบเลย ซึ่งนอกจากจะช่วยทำให้รับประทานได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังนิยมดัดแปลงหน้าตาของขนมให้ออกมามีหน้าตาที่สวยงามมากขึ้นอีกด้วย





เคล็ดลับ ไหว้เสริมดวงในวันไหว้พระจันทร์ เสริมเสน่ห์ & ความปังไปในตัว !

มาถึงในส่วนของวิธีการไหว้กันบ้าง สำหรับมือใหม่สายมูที่อยากจะไหว้พระจันทร์ด้วยตัวเองกันแบบง่ายๆ ปันโปรมีทริคเล็กๆ น้อยๆ มาฝาก อ่านจบปุ๊บ รีบพุ่งตัวไปเตรียมของไหว้กันได้เลย แล้วจะบอกว่านอกจากวันนี้จะเป็นวันไหว้พระจันทร์แล้ว ใครที่โสดมานาน น่าจะกดตุ่มถูกใจสิ่งนี้

เพราะวันที่ 21 กันยายน ตรงกับวันเกิดของ เทพเจ้าเย่ว์เหล่า หรือเทพเจ้าแห่งความรักอีกด้วย งานนี้ไหว้ทั้งที รับพรแบบคูณ 2 กันไปเลย ส่วนจะต้องไหว้ยังไง ของไหว้จะต้องมีอะไรบ้าง มาดูกัน !


ขนมไหว้พระจันทร์  (ใครอยากเสริมดวงด้านไหน อย่าลืมเลือกจากไส้ของขนมกันได้เลย)
น้ำสะอาด
ผลไม้ 3 - 5 อย่าง (ควรเป็นผลไม้มงคล เช่น แอปเปิ้ล, ส้ม, องุ่น, สาลี่, ทับทิม เป็นต้น)
ดอกไม้สด 1 คู่
ธูป 3 หรือ 5 ดอก (ตามจำนวนของผลไม้)
เทียน 1 คู่
ของใช้ส่วนตัวของผู้หญิง อาทิ เครื่องสำอาง, น้ำหอม, เครื่องประดับ รวมไปถึงเครื่องแต่งกาย (เพราะเชื่อกันว่าพระจันทร์เป็นตัวแทนของผู้หญิง ดังนั้นของไหว้จึงต้องเป็นของผู้หญิงน้า)


เมื่อเตรียมของไหว้เรียบร้อย ก็ให้เริ่มไหว้กันได้ตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ หรือตอนที่ดวงจันทร์เริ่มปรากฏบนท้องฟ้า (ถ้าอ้างอิงฤกษ์ยามตามหมอช้าง ก็จะแนะนำเป็นเวลา 20.18 น. น้า) โดยสถานที่ควรเป็นลานโล่ง หรือบริเวณหน้าบ้าน ที่แสงจากพระจันทร์ส่องถึง เมื่อถึงเวลาก็ให้เริ่มไหว้กันได้เลย

จุดธูป 3 หรือ 5 ดอก (ตามจำนวนของผลไม้ที่เตรียม)
ผู้ไหว้ควรหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หากคนไหว้มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายเริ่มไหว้ก่อน
เมื่อถึงเวลาก็ให้ทำการไหว้ขอพรได้เลย และเมื่อไหว้เสร็จให้นำธูปไปปักที่ผลไม้ที่ได้เตรียมไว้ ส่วนเทียนก็ให้ทำการจุดทิ้งไว้
เมื่อเทียนดับลง  ก็ให้ลาของไหว้ได้เลย โดยของไหว้ทั้งหลายห้ามนำมาทิ้งนะ เพราะเราสามารถนำมารับประทานกันต่อได้ (ขนมไหว้พระจันทร์ควรแบ่งให้เท่ากับจำนวนคนในครอบครัว โดยให้มีขนาดเท่ากัน) ส่วนน้ำสะอาดให้นำมาประพรมไปที่ตัวเพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนของใช้ส่วนตัวทั้งหลายก็ให้นำมาใช้ต่อเพื่อเป็นการเสริมเสน่ห์ให้กับตัวเองกันน้า

มูทั้งทีต้องไปให้สุด แต่สำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มไหว้ก็สามารถนำวิธีการและของไหว้ต่างๆ เหล่านี้ไปใช้ได้เลย และที่สำคัญอย่าลืมขอพรความรักกันด้วย จะได้ปังปุริเย่กันให้สุดไปเลยพี่จ๋าาา


ขอบคุณแหล่งที่มาจาก : Wikipedia (1) (2), Sanook.com, Thairath.com, ประชาชาติธุรกิจ และ หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา

หน้า: (1/1)

Go to full version