หน้าแรก Sritown.com

ผู้เขียน หัวข้อ: รีวิวละครเรียกน้ำตาอีกเรื่องนึง  (อ่าน 5891 ครั้ง)

Ocha

  • มนุษย์เงือก / จูนิน
  • *
  • กระทู้: 116
รีวิวละครเรียกน้ำตาอีกเรื่องนึง
« เมื่อ: พ. 23 ธ.ค. 2015 เวลา 18:41:15 »


เรื่องนี้เห็นก่อนหน้านี้มีคนแนะนำ ก็น่าสนใจอยู่ ดูเพราะเฉินเหว่ยถิงน่านแล....สงสัยอยู่แล้วเชียวนิ้วชี้มือซ้ายใส่แหวนทั้งเรื่องกู่เจี้ยนและเรื่องนี้ ชอบแหวนขนาดนั้นเลยรึ ที่ไหนได้ที่นิ้วสักตัวอักษร "W" เอาไว้ นึกว่าชอบแหวนนะเออ

เจ้าเด็กนี่มันรั่ว เวลาเจอกับหลี่อี้เฟิง เล่นกันจนกลายเป็นคู่จิ้นไปเสียแล้ว "หัวเซ่อเซิงเซียง" คือเรื่องที่เรากำลังจะพูดถึง

เป็นความรักความแค้นความเกี่ยวพันของสามตระกูล คือตระกูลเหวิน ตระกูลอัน และตระกูลนิ่ง ทั้งสามตระกูลเป็นตระกูลที่ “เลี่ยนเซียง” (练香) หรือผลิตน้ำหอมเช่นเดียวกัน ความสัมพันธ์ที่ก่อให้เกิดความแค้นค่อนข้างจะซับซ้อน กล่าวคือ ตระกูลนิ่งกับเหวินเป็นคู่แข่งเรื่องการผลิตน้ำหอมที่โดดเด่นในหมู่บ้านหมอหวังหลิ่ง แข่งขันกันมาตลอดในการประกวดเจ้าแห่งน้ำหอม ซึ่งดูเหมือนว่าตระกูลนิ่งจะเหนือกว่าเพราะนิ่งเหล่าเหย๋มุ่งมั่นทะเยอทะยานจนตระกูลเหวินแทบสู้ไม่ได้ แต่โชคดีหรือโชคร้ายก็มิทราบได้ ตระกูลเหวินได้รับอุปการะคนจรหมอนหมิ่นคู่สามีภรรยาแซ่อันไว้คู่หนึ่งพร้อมกับลูกสาวชื่ออันรั่วฮวน(安若欢)ลูกสาวของทั้งสองมีคุณสมบัติพิเศษคือมีกลิ่นหอมติดกายแต่กำเนิด บังเอิญว่าเด็กน้อยตกไปในถังน้ำหอมของตระกูลเหวิน

ประหลาดแท้ น้ำหอมถังนั้นหอมเป็นพิเศษ พิเศษอย่างที่สุด จนฮูหยินของนายตระกูลเหวินนำมาแข่งจนชนะนายใหญ่ตระกูลนิ่ง นิ่งเฮ่าเทียนพกความแค้นกลับบ้านไปอย่างขัดใจ


เวลาผ่านไป 12 ปี ที่หมู่บ้านหมอหวังหลิ่งเกิดคดีประหลาดจนอันอี้เฉิน(เฉินเหว่ยถิง)ต้องมาสืบ คดีที่ว่าคือ “คดีปีศาจแต่งเจ้าสาว” เขาขอเวลา 3 เดือนในการไขคดีครั้งนี้ นักสืบนักเรียนนอกจากญี่ปุ่นและยังเป็นแพทย์ฝีมือดีจึงเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านอย่างที่ไม่มีใครเคยทราบหัวนอนปลายเท้ามาก่อน
เสี่ยน้อยคุณชายใหญ่ตระกูลนิ่ง(หลี่อี้เฟิง) บ้านรวยไฮโซโก้หรู วัน ๆ ไม่ทำการทำงานเอาแต่เที่ยวเหล่หญิง หาเรื่องชาวบ้านจนได้ฉายา“เสี่ยวป้าหวัง”(อันพธพาลน้อย) ได้ข่าวว่าจะมีการเซ่นไหว้เทพเจ้าดอกไม้ จึงเตร็ดเตร่มาที่ศาลเจ้าและได้พบกับสาวปลูกดอกไม้คนสวยชื่อว่าเล่อเหยียน(ถังเยียน) สาวน้อยไม่ค่อยชอบหน้าเขาเท่าไหร่ด้วยฉายาแย่ ๆ และมารยาททราม ๆ เธอจึงแสดงออกกับเขาตรง ๆ สื่อความไม่ชอบหน้าที่เป็นอคติในใจอย่างเปิดเผย


สาวน้อยปลูกดอกไม้หน้าตาไม่สวยอย่างเดียวยังมีจมูกไวจำแนกกลิ่นได้เป็นเลิศ และฉลาดเฉลียวอีกด้วย เธอสั่งผึ้งให้ต่อยนิ่งจื้อหย่วนคุณชายไม่เอาถ่านหลายครั้ง เพราะตั้งแต่วันแรกที่เจอกันเขาดูเหมือนจะคอยรังควานเธอเป็นประจำ จนแย่ที่สุดมาเผาต้นไม้ของเธอเสียนี่ เธอโกรธมาก แต่นิ่งจื้อหย่วนเริ่มรู้สึกว่าทำเกินไปเลยพยายามหาวิธีมารักษาต้นไม้ให้เธออย่างจริงจัง แท้จริงแล้วเขาต้องใจเธอตั้งแต่วันแรกที่พบ พยายามหาทางเข้าใกล้ชิดตลอด ในขณะที่สาวเจ้าประทับใจหมอหนุ่มอี้เฉิน


เรื่องราวดำเนินไปบนพื้นฐานของการแก้แค้น ทำให้คนรุ่นหลังหลาย ๆ คนต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง และจบลงด้วยรอยยิ้มและน้ำตา


นินทาหนัง

หนังชุดเรื่องนี้ได้จับเอาสองหนุ่มที่ดังเคียงคู่กันจากเรื่อง”กู่เจี้ยนฉีถาน” มาประกบคู่กับอีกครั้ง คราวหนี้หลี่อี้เฟิงจะเปลี่ยนเป็นพูดมากกว่าบทถูซูเดิมในเรื่องกู่เจี้ยน ส่วนเฉินเหว่ยถิงจะเหมือนเดิม มีความในใจ เก็บงำและมุ่งมั่น

นางเอกถังเยียน เธอพัฒนาฝีมือการเล่นขึ้นมาก หลังจากลองงานเป็นผู้จัดละครมาแล้วในเรื่อง”จินอวี้เหลียงหยวน” ที่ประกบคู่กับพี่ฮั่ว(เจี้ยนหัว)ก็กลับมาเล่นหน้าฉากเหมือนเดิม เรื่องนี้เธอเล่นเป็นหญิงเก่ง ฉลาด มีความสามารถ และเด็ดเดี่ยว

ซูช่าง เล่นเป็นฮุ่ยจื่อ สาวญี่ปุ่นที่คิดหาความลับการผลิตน้ำหอมของจีน โดยมีโอโต้ซัง(คุณพ่อ)คอยส่งเสริม ฮุ่ยจื่อเจอกับอี้เฉินตอนเขาเรียนหมออยู่ญี่ปุ่น เธอมีวิชาสะกดจิตด้วยนะ โดยใช้เครื่องหอมประกอบ

จริง ๆ ไม่เคยเห็นซูช่างสวยเลย นอกจากเรื่องนี้สวยจริง ๆ ดูแอบร้ายลึก ๆ แต่ไม่รุ้่หลอกใช้คนอื่นหรือว่าถูกหลอกใช้กันแน่ ตัวละครตัวนี้ทนทุกข์ทรมานใจเพราะชายไม่รักนานหลายปีจนเกิดโรคประหลาด มีจุดน่าเกลียดขึ้นตามใบหน้าในระยะเวลาหนึ่ง ตรงนี้แรก ๆ คิดว่ามันโม้เกินไปหรือเปล่า แต่จริง ๆ ความเครียดมันทำได้ เคยเห็นมากับตา คนที่เครียดจนเกิดโรคผิวหนังระยะหนึ่ง

เรื่องนี้ต้องเขียนอย่างย่นย่อ เพราะเดียว 4 มือปราบก็ฉายแล้ว และต้องไปตามเรื่อง "ศึกเทพยุทธเขาสูซัน" กันอีก ไม่ได้ว่างเว้นเลยจริง ๆ

ไอ้เรื่องที่ว่าไม่น่าเชื่อถือก็คือเรื่องน้ำหอมจากร่างกายคน คนกินเครื่องหอมแล้วมาทำน้ำหอมก็พอจะเชื่อ แต่ร่างกายมนุษย์นี่เน่าเหม็นที่สุด จะหอมไปจากตรงไหน แต่เรื่องฮอร์โมนดึงดูดเพศตรงข้ามก็อาจจะใช่ เรื่องนี้สองจิตสองใจไม่ได้ฟันธงลงไป แต่ดูเอาบันเทิงเชื่อไปตามท้องเรื่อง

แม่นางเอก(จริง ๆ แม่อี้เฉิน)อาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกับสามีที่อัปเปหิตัวเองออกมา แต่ไม่มีใครรู้เป็นสิบกว่าปี ไม่มีใครออกไปไหนมาไหนกันเลย ต่างคนต่างอยู่ไม่เหมือนสังคมเกษตรแบบเก่า

เรื่องจมูกไวของนางเอก อาจมีคนแบบนี้ได้ แต่เวอร์ถึงขนาดดมกลิ่นออกว่ามีผู้ชายสองคนในเกี้ยว และเกิดจะสูญเสียความสามารถนี้ไปชั่วคราวก็เสียไปง่าย ๆ ด้วยยาของคนญีปุ่่นซะอย่างนั้น

บางทีดูแล้วขัดใจขนตาปลอมของนางเอก เห็นชัดเจนมาก ถังเยียนหากไม่แต่งหน้าคงจืดน่าดูเหมือนกัน

กล่าวโดยสรุปดูสนุก ๆ ไม่คิดมาก อย่างที่บอก ดูเพราะเฉินเหว่ยถิง ต้องขอโทษเพื่อน ๆ คนอื่นที่อาจจะไม่ชอบเหมือนกันด้วยนะคะ

มาเข้าเรื่องเฉินเหว่ยถิง

นั่งดูมาหลายวันแล้ว ตอนแรกนึกว่ายังเด็กดูบ๊องซ์ ๆ แต่ไม่ใช่นะคะ ปีนี้อายยุ 30 ปีแล้ว เคยเป็นนักร้องนำของวงบอยแบรนด์วงหนึ่งในฮ่องกง เข้าวงการไม่ถึง 10 ปีแต่ยังไม่มีความก้าวหน้าสักเท่าไหร่ จนได้เข้ามาเล่นหนังที่แผ่นดินใหญ่

เรื่องแรกคือ "สี่มือปราบ" เล่นบทจุยมิ่ง อือ...ก็ดูดีอยู่ แต่เรื่องนี้ จางฮั่นเด่นกว่า พ่อเว่ยถิงก็เป็นรองไป

ในเทปหนึ่งเขาเล่าว่า ตอนที่เข้ามาเล่นหนังต้องอยู่ที่เหิงเตี้ยนหลายเดือน หาที่อยู่ที่ใกล้โรงถ่าย เวลาว่างไม่มีถ่ายหนังก็จะหาฟิตเนสออกกำลังกายหรือเล่นบาส(พี่ฮั่วชอบไปเล่นบ่อย ๆ ตอนอยู่เหิงเตี้ยน) แต่ไม่ต้องกลััวที่เหิงเตี้ยนมีเป็นสิบสนาม เล่นได้อย่างที่อยากจะเล่น

วันว่างก็เดินไปดูตามร้านรวง มีร้านหนึ่งที่เย็บชุดขนเป็ดกันหนาวตามออร์เดอร์ เว่ยถิงบอกว่าเขาไม่เคยสั่ง ซึ่งคนดังมาสั่งร้านนี้กันเยอะ เช่นหลิวเต๋อหัว ฟ่านปิงปิง เขาบอกว่าไม่มีเงิน แพงมาก!

เอ่อ สงสัยว่าจะแพงจริง ๆ สินะ

ตอนที่เข้ามาในแผ่นดินใหญ่เขามีเพื่อนคนหน่ึ่งชื่อว่า "อานั่ว" หูผึ่งทันที อานั่วชื่อผู้ชาย คนนี้เขาจะคอยหาหนังป้อนให้เหว่ยถิงและบท "ต้าซือซง" หรือ ศิษย์พี่ใหญ่หลิงเยวี่ย ก็เป็นอานั่วนี้เองที่หามาประเคนให้เหว่ยถิง

อานั่วเล่าว่า ไม่ว่าจะถ่ายหนังที่ไหน สิ่งที่เหว่ยถิงต้องมองหาว่ามีแถวนั้นหรือเปล่าก็คือฟิตเนส (ใช่ซี้.....ต้องรักษารูปร่างไว้ก่อน เพื่ออาชีพเลยทีเดียว)

เหว่ยถิงเองบอกว่า ตอนที่เล่นบท "ต้าซือซง" เขาค้นพบปัญหาของตัวเองคือ "หลังค่อม" หนักหนาสาหัสมาก คาดว่าตอนนี้คงจะได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น เพราะ "หลงเกอ" เอาไปเล่นหนังของค่ายตัวแล้ว ก็สูซันไง

แน่นอน บทที่พ่อเหว่ยถิงจะเล่นก็ต้อง "ติงหยิ่น" ติงหยิ่นเป็นใคร? หากใครเคยดูเรื่อง "ศึกเทพยยุทธเขาสูซัน" คงจะทราบ ไม่รู้ว่าหลงเกอ(อู๋ฉีหลง) จะดัดแปลงบทหรือเปล่า


สบายเหว่ยถิง เพราะคราวนี้สนทนาต้าอ่วยกับหลงเกอเป็นภาษากวางตุ้งกันไฟแล่บอย่างแน่นอน

ที่มา: http://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=mamiya&month=02-2015&date=28&group=1&gblog=57