Manga Zone > Naruto TH นารุโตะ นินจาคาถาโอ้โฮเฮะ แปลไทย

แสงอุษา - Akatsuki

หน้า: (1/9) > >>

F4:

รายชื่อกลุ่มแสงอุษาสมาชิกระดับสูงนั้นมีประมาณ 10 คน ซึ่งหากมีสมาชิกคนใดเสียชีวิต ก็จะมีการหาสมาชิกใหม่ที่ฝีมือดีเข้ามาแทนที่ โดยแสงอุษายังมีสมาชิกระดับล่างเป็นอดีตนินจานับร้อยคนในหมู่บ้านอาเมะคากุเระแทบทั้งหมู่บ้าน ซึ่งหันมาภักดีกับโทบิ(อุจิวะ มาดาระ) หัวหน้าแสงอุษา โดยสมาชิกระดับสูงทุกคนนั้นเป็นผู้ทรยศหมู่บ้านตนเองและเป็นที่ต้องการตัวในฐานะอาชญากรที่อันตรายระดับสูงสมาชิกแสงอุษามักจะแบ่งทีมให้ทำงานกันเป็นคู่ โดยทีมจะถูกแบ่งตามความสามารถและพรสวรรค์ ออกปฏิบัติภารกิจลับของแสงอุษาร่วมกัน สมาชิกที่คู่หูเสียชีวิตไปก็ยังคงสามารถทำงานต่อไปได้จนกว่าจะมาคู่หูคนใหม่มาแทน อย่างน้อยที่สุด ความสัมพันธ์ระหว่างคู่หู ในบางครั้งเป็นรูปแบบของความเลื่อมใสในตัวอีกคนหนึ่ง หรือไม่ก็แค่ทำงานกับคู่หูของเขาเพื่อบรรลุจุดประสงค์ขององค์กรเท่านั้น โดยทั่วไป จะเห็นว่าสมาชิกแสงอุษาแต่ละคนไม่ได้กังวลกับชะตากรรมของคู่หูสักเท่าไหร่ พวกเขากังวลแค่การตายของบางคนจะมาจากใครก็ตามที่แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าพวกเขาได้แสงอุษาเป็นองค์กรที่รู้จักกันแพร่หลาย ด้วยการที่สมาชิกเดินทางไปปฏิบัติภารกิจตามแคว้นและหมู่บ้านต่างๆ ในโลกของนารูโตะ เนื่องจากสมาชิกแต่ละทีมต้องแยกกันออกไปตามสถานที่ต่าง จึงทำให้พวกเขาใช้วิธีประชุมกันทางโทรจิต ในกรณีที่มีความจำเป็นจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กัน สมาชิกจะใช้ร่างปลอมเพื่อพบกันที่รังลับของแสงอุษา รวมถึงการมาพบกันเพื่อประกอบพิธีลับบางอย่างซึ่งเกี่ยวกับจุดประสงค์ของแสงอุษา
* อุจิวะ อิทาจิ
* โฮชิงาเคะ คิซาเมะ
* เดอิดาระ
* ซาโซริ
* ฮิดัน
* คาคุสึ
* เพน (หัวหน้า)
* โคนัน
* โทบิ (หัวหน้าตัวจริง)
* เซ็ตซึ
* โอโรจิมารุ (คนก่อตั้ง)ชุดสมาชิกระดับสูงของแสงอุษาจะแต่งกายด้วยเสื้อคลุมที่เหมือนกันทุกคน คือเสื้อคลุมดำยาว มีลวดลายเป็นรูปเมฆสีแดงและข้างในเป็นสีแดง สมาชิกทุกจะทาสีที่เล็บมือและเล็บเท้า มักจะเห็นพวกเขาจะสวมหมวกฟางใบใหญ่ และมีกระดิ่งที่ห้อยลงมาเพื่อปกปิดใบหน้าเวลาที่เห็นพวกเขาออกไปปฏิบัติภารกิจ แต่หมวกมักจะถูกทิ้งไว้หลังจากพวกเขาหายตัวไป นอกจากนี้สมาชิกแต่ละคนยังคงสวมกระบังหน้าจากอดีตหมู่บ้านนินจาที่เขาสังกัด แต่จะทำสัญลักษณ์เส้นขีดฆ่าทับสัญลักษณ์ของหมู่บ้านไว้ (ซึ่งสมาชิกระดับล่าง เช่นบรรดาอดีตนินจาสังกัดหมู่บ้าน อาเมะคากุเระที่หันมาจงรักภักดีต่อเพน ก็จะกระทำสัญลักษณ์นี้ในแบบเดียวกัน) สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าความผูกพันของพวกเขาต่ออดีตหมู่บ้านนั้นจะไม่มีอีกต่อไป สมาชิกของระดับสูงของแสงอุษาจะสวมแหวนที่เป็นเอกลักษณ์ และสมาชิกแต่ละคนจะไม่สวมแหวนในนิ้วที่ซ้ำกัน แหวนที่ปรากฏมีทั้งหมด 10 วงซึ่งจะมีการสลักตัวอักษรที่แตกต่างกันออกไป
* นิ้วโป้งขวา 零 Rei (ศูนย์) สวมโดย เพน

* นิ้วชี้ขวา 青龍 Seiryū (มังกรฟ้า) สวมโดย เดอิดาระ

* นิ้วกลางขวา 白虎 Byakko (เสือขาว) สวมโดย โคนัน

* นิ้วนางขวา 朱雀 Suzaku (นกแดงชาด) สวมโดย อิทาจิ

* นิ้วก้อยขวา 玄武 Genbu (เต่าดำ) สวมโดย เซ็ตสึ

* นิ้วก้อยซ้าย 空陳 Kūchin (ความว่างเปล่า) อดีตถูกสวมโดย โอโรจิมารุ และถูกเขายึดไปด้วยไม่ได้คืนให้แสงอุษา

* นิ้วนางซ้าย 南斗 Nanju (ดาวทิศใต้) สวมโดย คิซาเมะ

* นิ้วกลางซ้าย 北斗 Hokuto (ดาวทิศเหนือ) สวมโดย คาคุสึ

* นิ้วชี้ซ้าย 三台 santai (สามระดับ) สวมโดย ฮิดัน

* นิ้วโป้งซ้าย 玉女 gyokunyo (พรหมจรรย์) สวมโดย โทบิ (ในอดีต - ซาโซริ เป็นผู้สวมใส่)


โดยเวลาที่แสงอุษามาพบกันเพื่อประกอบพิธีบางอย่างที่รังลับ ทุกคนจะยืนบนนิ้วมือของรูปปั้นอสูรลึกลับ ตามตำแหน่งเดียวกับแหวนที่พวกเขาสวมใส่ด้วย แหวนนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับวิชานินจากที่ใช้เมื่อเวลาประกอบพิธีกรรมและตำแหน่งของการยืนนั้น                         เป้าหมายแสงอุษา เป็นองค์กรที่ก่อตั้งโดย อุจิวะ มาดาระ ในเบื้องต้นพบว่าทำงานลอบสังหารและจารกรรม นอกจากนี้สมาชิกบางคนยังมีจุดประสงค์แอบแฝงต่างหากในการเข้าร่วมกับแสงอุษา เช่น คาคุสึ เข้าร่วมเพราะว่ามันเป็นทางที่จะสามารถหาเงินได้อย่างง่ายๆ อย่างไรก็ตามในภายหลังมีการเปิดเผยจุดประสงคที่ดูเหมือนจะเป็นจุดประสงค์แท้จริงของแสงอุษาคือการ ครอบครองโลก โดยมีผู้นำคือ เพนสัตว์หาง คือ ปีศาจขนาดยักษ์ 9 ตัวที่มีพลังมหาศาล และถูกหมายตาโดยเหล่าแสงอุษา สัตว์หางทั้งหมดได้แก่
* ชูคาคุ หนึ่งหาง สัตว์หางรูปแบบแรคคูน ก่อนหน้าที่จะถูกจับเคยสิงอยู่ในร่างของ กาอาระ ซึ่งเป็น คาเซะคาเงะคนปัจจุบัน
* เนโกะมาตะ สองหาง สัตว์หางรูปแบบแมว เคยสถิตอยู่ในร่างของ ยูกิโตะ นิอิ นินจาหญิงแห่งหมู่บ้านคุโมะงาคุเระ ก่อนจะถูกแสงอุษาแย่งชิงมา
* อิโซนาเดะ สามหาง สัตว์หางรูปร่างคล้ายตะพาบ (ในตำนานระบุว่าเป็นสัตว์คล้ายฉลาม)
* โซโค สี่หาง สัตว์หางรูปแบบผสมคล้ายแมลงพิษ หรือไก่ผสมกับงู ไม่เคยปรากฏออกมาชัดเจนแม้จะถูกแสงอุษาจับได้เป็นตัวแรกๆ
* โฮโก ห้าหาง สัตว์หางรูปแบบสุนัข
* ไรจู หกหาง สัตว์หางหน้าตาคล้ายตัววีเซิลเป็นเจ้าแห่งสายฟ้า
* คาคุ เจ็ดหาง สัตว์หางรูปร่างแบบตัวแบดเจอร์
* แปดหาง สัตว์หางรูปแบบวัวกระทิงมีหางเป็นปลาหมึก ผนึกอยู่ในร่างของ คิลเลอร์ บี
* คิวบิ เก้าหาง สัตว์หางรูปแบบจิ้งจอก ถูกผนึกอยู่ในร่างของ นารูโตะ เชื่อว่ามีพลังมากที่สุดในบรรดาสัตว์หาง ทุกครั้งที่จับสัตว์หางมาได้ พวกเขาจะนำไปที่รังของแสงอุษาที่ใกล้ที่สุดที่ๆ สมาชิกคนอื่นๆที่อยู่ห่างไกลจะใช้วิชาลับส่งร่างจำแลงมาเข้าร่วมแทนโดยจะมีการอัญเชิญรูปปั้นเทพอสูรให้ปรากฏขึ้นมาเพื่อสูบพลังดูดกลืนเอาสัตว์หางเข้าไป และมีข้อสังเกตว่าสมาชิกแสงอุษาจะยืนบนนิ้วของเทพอสูรตามตำแหน่งของแหวนที่ตนใส่ โดยมีการจับสัตว์หางมาผนึกไว้ตามลำดับ ส่วนร่างที่แท้จริงของเทพอสูรนั้นยังเป็นปริศนา (เชื่อกันว่าอาจจะเป็นอสูร เทงงู การาสุ ซึ่งเป็นเทงงู 1 ในสองตนในตำนานญี่ปุ่น) ดูเหมือนว่าพลังของสัตว์หางเมื่อรวบรวมได้ครบจะสามารถใช้ปลุกเทพอสูรได้ เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เช่นการก่อสงครามเบื้องหลังของแสงอุษาอุจิวะ มาดาระ คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังของแสงอุษาโดยไม่เปิดเผยตัว และมีสมาชิกเพียงบางคนเท่านั้นที่รู้ถึงการมีอยู่ของ อุจิวะ มาดาระ ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาในระดับที่สูงกว่าเพน แม้ภายหลังมาดาระ จะสวมรอยเป็นโทบิ เข้าร่วมกับองค์กร แต่แท้จริงเขาคือต้นตอ และผู้วางแผนการทั้งหมด รวมทั้งวางอุดมการณ์และเป้าหมายที่แท้จริงของการตั้งแสงอุษาขึ้นนั่นเอง บุคลิกที่แท้จริงของมาดาระดูจริงจังและเคร่งขรึมมาก ต่างจากเวลาที่แกล้งเป็นโทบิซึ่งดูเถลไถล ไม่เอาจริงเอาจัง และดูไม่ค่อยเก่งกาจ ต่างจากมาดาระโดยสิ้นเชิงCredit:postjung.com, fws.cc

F4:

อุจิวะ อิทาจิ
นินจาพรสวรรค์สูงแห่งตระกูลอุจิวะ จบจากโรงเรียนนินจาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ สามารถใช้เนตรวงแหวนได้อย่างชำนาญเมื่ออายุ 8 ขวบ และสอบเป็นจูนินได้เมื่ออายุเพียง 10 ขวบ แถมยังได้เข้ากลุ่ม อันบุ เมื่ออายุ 12 จึงเป็นลูกชายคนโปรดของพ่อที่ตั้งความหวังให้ อิทาจิ เป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูล โดยที่ไม่ค่อยจะสนใจตัวซาสึเกะคนน้อง ที่พยายามแทบตายก็เก่งสู้พี่ไม่ได้ แต่ ซาสึเกะก็ไม่ได้โกรธเคือง แต่กลับเห็นพี่ชายเป็นฮีโร่ที่เขาอยากเอาแบบอย่าง ต่อมาอิทาจิเป็นได้รับเสนอเลื่อนขั้นให้เป็นหน่วยพิเศษเมื่ออายุเพียง 13 แต่ดันเปลี๊ยนไป๋หลังภารกิจอย่างหนึ่ง จนตัดสินใจสังหารเพื่อนสนิท และพ่อแม่ของตัวเอง รวมทั้งตระกูลอุจิวะทั้งตระกูล เหลือไว้เพียง ซาสึเกะ น้องชาย เอาไว้ให้บ่มความแค้นเล่นๆ แล้วก็หายตัวไปเข้ากลุ่มแสงอุษา ทำให้ซาสึเกะจากที่เคยรักพี่ชายมาก ถึงกับแค้นสุดชีวิต และตั้งเป้าจะฆ่าพี่ชายตัวเองให้ได้ โดยไม่นึกถึงวิธีการใดๆทั้งนั้น ความเก่งกาจของอิทาจินั้น แม้แต่โอโรจิมารุ ยังเปรยไว้ว่า อิทาจิ นั้นเก่งกว่าตัวเขาซะอีก!! ท่าไม้ตายที่น่ากลัวคือ เบิกเนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผา ที่เล่นงานคาคาชิ จนเดี้ยงแทบแย่ ตอนนี้ก็อยู่ในกลุ่มแสงอุษา โดยออกทำงานร่วมกับ คิซาเมะ ดาบฉลาม อุปนิสัยของอิทาจิค่อนข้างจะเงียบๆขรึมๆ ซึ่งยังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดในการทรยศหมู่บ้าน และฆ่าล้างตระกูลตัวเอง
ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด : 9 มิถุนายน
กรุ๊ปเลือด : ไม่ปรากฏ
เพื่อนร่วมทีม : โฮชิกาเคะ คิซาเมะ

F4:

โฮชิงาเคะ คิซาเมะ คู่หู : อุจิวะ อิทาจิ (เสียชีวิต)
โฮชิงากิ คิซาเมะ (干柿 鬼鮫 Hoshigaki Kisame) คือนินจาที่ถอนตัวจาก คิริคะกุเระ มีลักษณะนิสัยชอบที่จะต่อสู้อย่างไม่หวั่นเกรงเสมอในขณะที่ อิทาจิคู่หูของเขากลับเลือกที่จะสู้เฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น คิซาเมะ ทำงานกับอิทาจิได้เข้าขากันเป็นอย่างดีเมื่อเปรียบเทียบกับคู่หูทีมอื่นๆในแสงอุษา เขามีความเคารพและยินดีทำสิ่งที่อิทาจิบอกให้ทำทันทีและมักจะเป็นห่วงในสุขภาพของอิทาจิเสมอ อดีตแคว้นของเขาคือ มิซึโนะคุนิ (ดินแดนแห่งน้ำ) ซึ่งควานหาตัวเขาอย่างหนักเพราะว่า คิซาเมะเคยวางแผนที่จะล้มล้างอำนาจของรัฐบาลและมีส่วนในเหตุการณ์สังหารหมู่ของแคว้น เดิมที คิซาเมะ ทำงานให้คิริคะกุเระ ในฐานะสมาชิกกลุ่ม เจ็ดนักดาบแห่งสายหมอก ซึ่งเป็นกลุ่มแห่งนินจาที่ใช้อาวุธขนาดยักษ์ในการต่อสู้ อาวุธของคิซาเมะมีชื่อว่า ซาเมะฮาดะ (鮫肌, "หนังฉลาม") เป็นดาบที่ปกคลุมด้วยเกล็ดที่ใช้โกนผิวหนังแทนที่การตัดและมันสามารถดูดจักระได้ โดยดาบซาเมะฮาดะจะยอมรับให้คิซาเมะถือเท่านั้น ถ้ามีคนอื่นๆ พยายามที่จะถือมัน หนามแหลมจะแทงออกมาจากด้ามจับและมันจะกลับไปหาคิซาเมะทันที นิสัยของเขาซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นนิสัยของพวกเจ็ดนักดาบแห่งสายหมอกคือชื่นชอบการตัดส่วนต่างๆ ของคู่ต่อสู้ เช่นกรณี ที่คิซาเมะบอกว่าการตัดขาของอุซึมากิ นารุโตะจะทำให้เขาแบกได้ง่ายขึ้น
คิซาเมะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายฉลาม มีผิวสีน้ำเงินทั้งตัว ตาสีขาวคู่เล็ก ใบหน้ามีครีบอยู่ด้วย และฟันรูปสามเหลี่ยม แม้แต่ชื่อของเขา คิซาเมะ แปลว่า ฉลามปีศาจ รูปร่างที่คล้ายฉลามของเขายังสัมพันธ์ต่อความสามารถที่เขาใช้ในการต่อสู้ด้วย เช่น เขาจะก่อให้น้ำกลายเป็นร่างฉลามเพื่อทำการโจมตีคู่ต่อสู้ ถ้าหากไม่มีน้ำในที่ๆ เขาต่อสู้ คิซาเมะสามารถใช้ คาถาน้ำ คลื่นน้ำระเบิดจู่โจม (水遁・爆水衝波 Suiton: Bakusui Shōha) เพื่อสร้างทะเลสาบเพื่อใช้ในการโจมตี คิซาเมะยังมีจักระจำนวนมหาศาล และมีมากที่สุดในบรรดาสมาชิกของแสงอุษา เขามักจะใช้พลังแค่ 30% ในการต่อสู้ ซึ่งก็เทียบเท่ากับพลังสถิตของจิ้งจอกเก้าหางของนารุโตะในตอนที่ใช้ระหว่างสอบจูนิน
ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด :ไม่ปรากฏ
กรุ๊ปเลือด : ไม่ปรากฏ
เพื่อนร่วมทีม : อุจิวะ อิทาจิ 

F4:

เดอิดาระ
นินจาแสงอุษาผู้ใช้ดินระเบิดเป็นอาวุธ มีคำพูดติดปากคือ "อืมส์" สามารถใช้ดินระเบิดปั้นเป็นสัตว์และใช้งานได้ ซึ่งเดียดาระ จะมีนกยักษ์ที่สร้างจากดินระเบิด เป็นพาหนะคู่ใจ ปรากฏตัวพร้อมกับซาโซริ ในตอนไปชิงตัวกาอาระ และหลังจากดึงพลังสัตว์หางออกจากร่างกาอาระได้แล้ว เดียดาระก็พาเอาร่างไร้วิญญาณของกาอาระไป ทำให้นารุโตะไล่ตามไปชิงร่างกาอาระคืน โดยมีคาคาชิตามไปด้วย ก่อนที่ทีมไก จะตามมาช่วย จนเดียดาระตัดสินใจระเบิดทุกคนให้ตาย แต่ก่อนที่จะระเบิด คาคาชิได้ใช้พลังใหม่จากเนตรวงแหวน เคลื่อนย้ายระเบิดไปที่อื่น ทำให้ทุกคนรอดออกมาได้
ข้อมูลส่วนตัว
วันเกิด :ไม่ปรากฏ
กรุ๊ปเลือด : ไม่ปรากฏ
เพื่อนร่วมทีม : ซาโซริ

F4:

ซาโซริ
สาเหตุ : เสียชีวิตในการปะทะต่อสู้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สถานะ : แทนที่โดย โทบิ คู่หูในอดีต : เดอิดาระ, โอโรจิมารุ
ซาโซริ (サソリ Sasori) นินจาที่ถอนตัวจากซึนะคะกุเระ ซาโซริก็อยู่ในการดูแลของ จิโย ย่าของเขาหลังจากการตายของพ่อแม่ของเขา ซึ่ง จิโยเป็นผู้ที่สอนเขาทุกอย่างเกี่ยวกับการใช้คาถาหุ่นเชิดในการต่อสู้ และด้วยความรู้ใหม่ที่เขาได้รับนี้ เขาจึงสร้างหุ่นเชิดที่คล้ายพ่อแม่ของเขาออกมาเพื่อที่จะรับรู้ถึงความรักจากพวกเขา แต่ว่าพวกมันก็เป็นแค่หุ่นกระบอกที่ไม่มีความรู้สึก เขารู้สึกว่าเป็นความพยายามที่ล้มเหลาและหลังจากนั้นซาโซริก็ได้ทิ้งพวกมันไว้และออกจากหมู่บ้านไปเข้าร่วมกับแสงอุษา และจับคู่กับโอโรจิมารุ โดยเขาเป็นหนึ่งในคนที่วางแผนสังหารโอโรจิมารุภายหลังจากการถอนตัวออกจากองค์กรของโอโรจิมารุด้วย ภายหลังซาโซริจับคู่กับ เดอิดาระและค่อนข้างเข้าคู่ทำงานร่วมกันได้ดีกว่าแต่ก่อนเช่นการที่เดอิดาระค่อนข้างมความนับถือในความสามารถของซาโซริ แม้ว่าทั้งสองคนจะมีมุมมองของศิลปะที่แตกต่างกัน เป็นต้น (เดอิดาระชื่นชมงานปั้นที่ถูกทำลายด้วยระเบิดในทันที แต่ซาโซริชื่นชมงานสร้างหุ่นกระบอกที่คงอยู่ยาวนาน) เดอิดาระยอมรับซาโซริในฐานะอาจารย์ของเขาจนถึงวาระสุดท้าย แม้ว่าซาโซริจะไม่เคยชื่นชมความคิดของเขา ซาโซริเชี่ยวชาญในการสร้างหุ่นเชิดที่ทำมาจากศพและกระดูกคน โดยการเอาเครื่องในออกและใช้วิธีถนอมรักษา(สตาฟ)มันไว้ไม่ให้เน่าเปื่อย ปกติซาโซริจะอยู่กับหุ่นเชิดฮิรูโกะ (ヒルコ Hiruko) ซึ่งเป็นหุ่นเชิดที่เขาเข้าไปซ่อนตัวอยู่ข้างในเหมือนกับชุดสวมในการแสดงละคร โดยหุ่นที่เขาชอบใช้ในการต่อสู้มากที่สุดและถือเป็นไพ่ตายอย่างหนึ่งก็คือหุ่นของคาเสะคาเงะรุ่นที่ 3 อดีตผู้นำแห่งซึนะคะกุเระที่ถูกลักพาตัวและสังหารก่อนที่เดอิดาระจะออกมาจากหมู่บ้าน เนื่องจากซาโซริ้รู้จักกับรุ่นที่ 3 เมื่อครั้งยังมีชีวิตทำให้ซาโซริสามารถใช้ความสามารถเลียนแบบได้เหมือนจริงและสมบูรณ์มาก กระนั้นหุ่นมนุษย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือร่างกายของเขาเองเนื่องมาจากเขาได้ดัดแปลงร่างกายของเขาให้กลายเป็นหุ่นเชิดเช่นกัน เหตุนี้ทำให้เขาคงความหนุ่มที่ผิดธรรมชาติไว้ได้ และร่างกายหุ่นเชิดของซาโซริยังมีความสามารถที่จะควบคุมหุ่นเชิดได้ถึงร้อยตัวพร้อมกัน ซาโซริก็สร้างกล่องสำหรับเก็บหัวใจและผนึกไว้ที่หน้าอกของตุ๊กตาที่ใช้เป็นร่างกายของตัวเอง โดยหากเกิดการโจมตีที่ไม่ส่งผลให้กล่องหัวใจนี้ได้รับความเสียหาย ซาโซริก็จะยังคงรอดชีวิตไม่มีวันตายและย้ายมันไปยังร่างตุ๊กตาใหม่อื่นๆได้เสมอทำให้เขาไม่มีวันตายเช่นกัน นอกจากนี้อาวุธที่หุ่นเชิดใช้(รวมทั้งอาวุธที่ซ่อนอยู่ในกลไกต่างๆของหุ่น) ยังเป็นอาวุธที่มีพิษและเป็นพิษที่ซาโซริเป็นคนผสมเองโดยมีพิษที่ร้ายแรงขนาดทำให้ร่างกายของเป้าหมายอัมพาตและจะตายลงหลังจากนั้นภายใน 3 วัน ซาโซริพ่ายแพ้และเสียชีวิตหลังจากการต่อสู้ที่นาวนานกับอย่าของเขาที่ร่วมมือกับซากุระ ในระหว่างการปะทะกับนินจาของโคโนฮะที่ออกติดตามชิงตัว กาอาระ ที่ถูกลักพาตัวไปกลับคืนมา


หน้า: (1/9) > >>

Go to full version